Article

โพรไบโอติก ผู้ช่วยดูแลสุขภาพ

โพรไบโอติก ผู้ช่วยดูแลสุขภาพ

โพรไบโอติกผู้ช่วยดูแลสุขภาพ….ตั้งแต่ลำไส้จนถึงภูมิคุ้มกัน
นพ.พลวัฒน์ ปรีชาบริสุทธิ์กุล M.D. Preventive medicine, ABAARM, CNW, MSc

ไม่ว่าจะต้องการเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงของโรค หรือปรับปรุงสุขภาพโดยรวม เราสามารถทำได้ด้วยการเพิ่มโพรไบโอติก (Probiotic) หรือจุลินทรีย์ที่ดีในมื้ออาหารประจำวัน ซึ่งจะช่วยเราตั้งแต่เรื่องท้องไส้ไปจนถึงภูมิคุ้มกัน และมีผลช่วยลดการเกิดโรคต่างๆ ให้เราได้อีกด้วย 

โพรไบโอติกคืออะไร

ในลำไส้ของคุณมีจุลินทรีย์เป็นล้านล้านเซลล์ เซลล์แบคทีเรียเหล่านี้จำนวนมากถือเป็น“ แบคทีเรียที่ดี” ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน เพิ่มการดูดซึมสารอาหาร และช่วยในการสังเคราะห์สารสื่อประสาทที่สำคัญและสารประกอบอื่น ๆ ทั้งนี้ จะพบโพรไบโอติกในอาหารที่มีการหมัก เช่น เทมเป้ นัตโตะ มิโซะ กิมจิ และเครื่องดื่มโพรไบโอติก เช่น kombucha เป็นต้น ร่างกายของเรามีจำนวนโมเลกุลแบคทีเรียในลำไส้มากกว่าเซลล์ที่ทำหน้าที่ต่างๆ ในร่างกายดังนั้น ลำไส้จึงมีความสำคัญต่อสุขภาพของคุณมาก ซึ่งเราเรียกจุลินทรีย์กลุ่มที่มีประโยชน์นี้ว่า โพรไบโอติก (Probiotic) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแบคทีเรีย เรามักคิดว่าแบคทีเรียเป็น“ เชื้อโรค” ที่เป็นอันตราย แต่แบคทีเรียโพรไบโอติกนั้นช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างถูกต้อง ประโยชน์ของโพรไบโอติกได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการสนับสนุนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบ ส่งเสริมการย่อยอาหารที่ดี รวมถึงการบำรุงผิวให้สวยงามโดยเฉพาะเมื่อรวมกับพรีไบโอติก (Prebiotic) ซึ่งเป็นอาหารสำหรับจุลินทรีย์ที่ดี เราพบว่าร่างกายมนุษย์ไม่สามารถย่อยหรือผลิตสารอาหารบางชนิดแต่โพรไบโอติกสามารถสนับสนุนการทำงานในส่วนนั้นได้ 

ตัวอย่างหน้าที่ของโพรไบโอติก-แบคทีเรียที่ดีในลำไส้

  • ผลิตวิตามินบี 12, Butyrate และวิตามิน K2 รวมถึงช่วยย่อยสารอาหารหลายชนิดที่จำเป็นต่อร่างกาย
  • กำจัดจุลินทรีย์ที่ไม่ดี รวมถึงเชื้อราออกไป ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย
  • สร้างเอนไซม์ที่ทำลายแบคทีเรียที่เป็นอันตราย
  • กระตุ้นการหลั่ง IgA และเซลล์ T-reg ซึ่งสนับสนุนและควบคุมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
  • มีส่วนในการย่อยสารอาหารและสนับสนุนการผลิตสารสื่อประสาทโดยเฉพาะ Serotonin ซึ่งช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย ลดความเครียด และช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ 

โพรไบโอติกอยู่ในระบบของเราตั้งแต่ช่วงเวลาที่เราเกิด เมื่อทารกแรกเกิดอยู่ในช่องคลอดของแม่ ในระหว่างคลอดทารกจะได้สัมผัสกับแบคทีเรียที่มีชีวิตของแม่เป็นครั้งแรก เหตุการณ์นี้เริ่มต้นเป็นห่วงโซ่ของเหตุการณ์ภายในทางเดินอาหารของทารกและเริ่มที่จะผลิตแบคทีเรียที่ดี  ในอดีตผู้คนได้รับโพรไบโอติกจำนวนมากจากอาหารทั้งจากอาหารสดจากดินที่ดี และจากการหมักอาหารเพื่อป้องกันไม่ให้เน่าเสีย ปัจจุบันนี้เนื่องจากชีวิตที่รีบเร่ง เทคโนโลยีต่างๆ เช่น การแช่แข็งอาหาร การใช้สารเคมีทางการเกษตร และอื่นๆ ทำให้อาหารมีโพรไบโอติกน้อยถึงไม่มีเลย นอกจากนี้อาหารหลายชนิดมีสารปฏิชีวนะที่เป็นอันตรายต่อแบคทีเรียที่ดีในร่างกายของเรา การใช้ยาฆ่าเชื้อโดยไม่จำเป็น มลพิษต่างๆ ยังมีผลทำลายโพรไบโอติกในร่างกายอีกด้วย 

ประโยชน์ด้านสุขภาพ

1. ปรับปรุงสุขภาพทางเดินอาหาร

ประโยชน์ที่สำคัญประการแรกของโพรไบโอติกคือ โปรโมเตอร์ของสุขภาพทางเดินอาหารที่ดี ตามการวิเคราะห์ metanalysis โดย Dalhousie University ใน Nova Scotia : โพรไบโอติกโดยทั่วไปมีประโยชน์ในการรักษาและป้องกันโรคระบบทางเดินอาหาร … โดยเลือกใช้โพรไบโอติกในการรักษาหรือป้องกันโรคระบบทางเดินอาหารตามชนิดของโรคและสายพันธุ์โพรไบโอติกซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด เช่น การกินอาหารที่อุดมไปด้วยแบคทีเรียที่ดีและการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโพรไบโอติกอาจช่วยป้องกันโรคลำไส้อักเสบ และโรค Crohn disease นอกจากนี้ยังมีการวิจัยอย่างต่อเนื่องเพื่อศึกษาบทบาทของโพรไบโอติกในประเด็นกลูเตนในโรค celiac เป็นต้น

มีหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่าโปรไบโอติกมีประสิทธิภาพต่อโรคท้องร่วงหลายรูปแบบ รวมถึงโรคท้องร่วงที่เกี่ยวข้องกับยาปฏิชีวนะ อาการท้องเสียเฉียบพลัน อาการท้องเสียของผู้เดินทาง โรคท้องร่วงติดเชื้อและอาการท้องเสียอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และยังช่วยบรรเทาอาการท้องผูก พบในการวิเคราะห์ metanalysis ถึงการใช้โปรไบโอติกเพื่อลดอาการปวดและความรุนแรงของอาการลำไส้แปรปรวน (IBS) ช่วยในการกำจัด H. pylori และรักษาการอักเสบของทางเดินอาหารที่เกิดขึ้นหลังจากการผ่าตัดลำไส้ใหญ่และไส้ตรง 

2. ช่วยลดภาวะดื้อยาปฏิชีวนะ

องค์การอนามัยโลกพิจารณาการดื้อยาปฏิชีวนะเป็น“หนึ่งในภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดต่อสุขภาพโลก ความมั่นคงด้านอาหารและการพัฒนาในปัจจุบัน” แบคทีเรียจะดื้อต่อยาปฏิชีวนะเนื่องจากการใช้ยาปฏิชีวนะมากเกินไป การขาดความหลากหลายในยาเหล่านี้และการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างไม่เหมาะสม การใช้โปรไบโอติกอาจช่วยเสริมความหลากหลายของแบคทีเรียในลำไส้ที่มักพบว่าลดลงหลังจากใช้ยาปฏิชีวนะ และอาจป้องกันปัญหาลำไส้ที่เกิดจากยาปฏิชีวนะ นอกจากนี้โปรไบโอติกอาจเพิ่มประสิทธิภาพของยาปฏิชีวนะซึ่งมีส่วนช่วยป้องกันการดื้อยาแบคทีเรีย

3. อาจช่วยลดความเครียดและอาการวิตกกังวล 

นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบความสำคัญของการเชื่อมต่อของสมองและลำไส้ ในปี 2558 มีการสรุปรวบรวมข้อมูลโดยเน้นการมีปฏิสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างลำไส้และสมองโดยระบุสมอง “ที่สอง” ของลำไส้เป็นจุดสำคัญของการวิจัย: ความสัมพันธ์ระหว่างลำไส้และสมองดูเหมือนจะมีอิทธิพลต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการอักเสบ เช่น ความผิดปกติทางอารมณ์ ความผิดปกติของออทิสติก โรค Multiple sclerosis ไปจนถึงโรคอ้วน 

ผู้เขียนอภิปรายถึงความต้องการ “pscyhobiotics” (โปรไบโอติกที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของสมอง) ในการจัดการกับการพัฒนาของปัญหาในโรคเหล่านั้น โดยให้ความสำคัญกับการต้านการอักเสบมากที่สุด แม้จะยังไม่มีการศึกษาที่ชัดเจนในมนุษย์แต่การวิจัยก่อนหน้านี้ก็ชี้ให้เห็นว่าโปรไบโอติกอาจช่วยบรรเทาอาการวิตกกังวลโดยลดการอักเสบตามการเชื่อมต่อของลำไส้ – สมอง และมีงานวิจัยที่ชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ของโปรไบโอติกที่ช่วยลดอาการซึมเศร้า ซึ่งเป็นผลมาจากการลดการอักเสบของทางเดินอาหารทำให้ร่างกายสร้าง Serotonin และสารสื่อประสาทอื่นได้ดีขึ้นนั่นเอง

อีกกรณีที่มีความเป็นไปได้คือ พบว่าโปรไบโอติกอาจส่งผลต่ออาการออทิซึมบางอย่าง และยังพบว่าผู้ป่วยออทิสติกมักจะประสบปัญหาในระบบทางเดินอาหาร เป็นไปได้ว่าการปรับเปลี่ยนคุณภาพของแบคทีเรียในลำไส้อาจไม่เพียงส่งผลดีต่อระบบย่อยอาหาร แต่ยังช่วยลดพฤติกรรมที่ผิดปกติในออทิซึมอีกด้วย  ในปี 2559 มีรายงานกรณีศึกษาของเด็กชายออทิสติกที่รุนแรงว่าในขณะที่ได้รับการรักษาปัญหาการย่อยอาหารด้วยโปรไบโอติกนั้น ผู้ป่วยได้รับการประเมินตาม ADOS scale ซึ่งเป็นระบบจัดอันดับการวินิจฉัยสำหรับผู้ที่เป็นออทิซึม พบว่ามีคะแนนลดลงสามจุดจาก 20 เป็น 17 ซึ่งเป็นผลการประเมินที่ดีขึ้น และเมื่อติดตามอาการก็พบว่ามีความคงที่อีกด้วย แม้จะยังไม่ชัดเจนแต่ก็พบว่าการปรับปรุงสมดุลทางเดินอาหารที่พบในออทิซติกมีความเกี่ยวข้องกับ“ ความผิดปกติในการพัฒนาทางปัญญา ภาษา และการเชื่อมโยง“

4. เพิ่มภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบ

ทั้งโปรไบโอติกและพรีไบโอติกได้เป็นหัวข้อการวิจัยเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันอย่างต่อเนื่อง เมื่อนำมาใช้ร่วมกันนักวิทยาศาสตร์เรียกรวมกันว่า “ซินไบโอติก” และพบว่ามีศักยภาพในการป้องกันโรคที่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันอันเนื่องมาจากฤทธิ์ต้านการอักเสบ เนื่องจากการอักเสบเรื้อรังนั้นป็นรากฐานของโรคและความไม่สมดุลต่างๆของร่างกาย และ 80% ของระบบภูมิคุ้มกันนั้นอยู่ที่ทางเดินอาหารซึ่งจะต้องสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมภายนอกทุกครั้งที่เรารับประทานอาหาร ไม่ว่าจะเป็นเชื้อโรค ยา สารพิษต่างๆ ไปจนถึงอาหารบางชนิดที่ร่างกายมีการต่อต้าน ซึ่งระบบภูมิคุ้มกันในทางเดินอาหารจะทำงานเพื่อต่อสู้และป้องกันร่างกาย หากเราปล่อยให้ทางเดินอาหารเกิดการอักเสบบ่อยครั้ง หรือเกิดภาวะ Leaky gut ก็ย่อมทำให้ภูมิคุ้มกันทำงานหนักและประสิทธิภาพลดลง หรือทำงานผิดเพี้ยนเกิดภาวะแพ้ภูมิตนเองได้ในที่สุด 

นอกจากนี้ การอักเสบดังกล่าวยังส่งผลต่อสมดุลแบคทีเรีย ทำให้โปรไบโอติกที่ดีถูกทำลาย แบคทีเรียที่ไม่ดี หรือเชื้อราที่ไม่ถูกควบคุมก็จะเติบโตทำให้ร่างกายเกิดการอักเสบมากขึ้นอีก ดังนั้นการเสริมโปรไบโอติกจะเป็นการคืนสมดุลให้ทางเดินอาหาร ช่วยควบคุมเชื้อที่ไม่ดี ซึ่งจะช่วยลดการอักเสบได้ โปรไบโอติกมีความสำคัญในการย่อยอาหารเพราะช่วยลดปฏิกิริยาการต่อต้านต่ออาหาร และทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้มากขึ้น การเสริมสร้างภูมิต้านทานที่ดีจะต้องลดสิ่งที่รบกวนภูมิต้านทาน ช่วยให้ร่างกายได้สารอาหารที่จำเป็นอย่างเพียงพอ แล้วจึงกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง โปรไบโอติกเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ไปจนถึงการลดอาการภูมิแพ้ ในขณะเดียวกันหากสามารถลดการอักเสบของร่างกายได้ก็จะส่งผลดีและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเรื้อรังชนิดอื่นได้เช่นกัน นอกเหนือจากสาเหตุข้างต้น ยังพบว่าโปรไบโอติกสามารถกระตุ้นการแสดงออกของ Gene ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงขึ้น และเสริมประสิทธิภาพของเซลล์ภูมิคุ้มกันอีกด้วย

5. สุขภาพผิวที่ดี

การวิจัยจำนวนมากได้ตรวจสอบประโยชน์ของโปรไบโอติกสำหรับผิวโดยเฉพาะในเด็ก มีการวิเคราะห์พบว่าอาหารเสริมโปรไบโอติกมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคผิวหนังภูมิแพ้ในเด็กทารก ความสมบูรณ์ของแบคทีเรียในลำไส้ยังเชื่อมโยงกับการเกิดสิวแม้จะยังไม่ชัดเจน แต่ประโยชน์ทางผิวหนังของโปรไบโอติกดูเหมือนจะเชื่อมโยงกับการลดการอักเสบ โดยเฉพาะที่เห็นในแบคทีเรียลำไส้ชนิด L. casei ซึ่งสามารถลดการอักเสบของผิวหนังจากการแพ้แอนติเจนต่างๆ ซึ่งหากอธิบายจากสาเหตุภาวะ Leaky gut และการอักเสบก็จะพบว่ามีงานวิจัยแสดงที่ให้เห็นว่าการมีสุขภาพทางเดินอาหารที่สมดุลมีประโยชน์ต่อทั้งสุขภาพของผิวหนังและโรคของมนุษย์

กล่าวโดยสรุป โปรไบโอติกธรรมชาติเป็นแบคทีเรียในระบบทางเดินอาหารของเราที่สนับสนุนระบบภูมิคุ้มกันและช่วยลดการอักเสบเรื้อรังซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการพัฒนาของโรคจำนวนมาก สุขภาพส่วนใหญ่ของเราเริ่มต้นด้วยจุลินทรีย์ที่ซับซ้อนและความสมดุลของลำไส้ที่เหมาะสม แบคทีเรียในลำไส้จึงเป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพโดยรวม  เราควรเพิ่มโปรไบโอติกเข้าไปในมื้ออาหารประจำวันโดยการกินอาหารที่มีรสเปรี้ยวหรืออาหารหมักที่มีคุณภาพ เช่น กิมจิ มิโสะมากขึ้น อาหารไทย เช่น ข้าวหมาก ร่วมกับอาหารที่มีไฟเบอร์เส้นใยสูง เช่น ผักหรือธัญพืช การทานอาหารเสริมโปรไบโอติกคุณภาพสูงก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เพิ่มสมดุลแบคทีเรียที่ดีให้ร่างกาย 

Reference 

Fang Yana and D.B. Polkb, Probiotics and immune health, Curr Opin Gastroenterol. 2011 October ; 27(6): 496–501. doi:10.1097/MOG.0b013e32834baa4d. 

Charles Vanderpool, Mechanisms of Probiotic Action: Implications for Therapeutic Applications in Inflammatory Bowel Diseases, Inflamm Bowel Dis. 2008 Nov;14(11):1585-96. doi: 10.1002/ibd.20525.

Mohammad W Khan, Microbes, Intestinal Inflammation and Probiotics, Expert Rev Gastroenterol Hepatol. 2012 Feb;6(1):81-94. doi: 10.1586/egh.11.94.

Erika Isolauri, Probiotics: Use in Allergic Disorders: A Nutrition, Allergy, Mucosal Immunology, and Intestinal Microbiota (NAMI) Research Group Report, J Clin Gastroenterol. 2008 Jul;42 Suppl 2:S91-6. doi: 10.1097/MCG.0b013e3181639a98.

Y Yu, Changing Our Microbiome: Probiotics in Dermatology, Changing Our Microbiome: Probiotics in Dermatology, Br J Dermatol. 2020 Jan;182(1):39-46. doi: 10.1111/bjd.18088. Epub 2019 Jul 28.

Vitória H M Mottin, An Approach on the Potential Use of Probiotics in the Treatment of Skin Conditions: Acne and Atopic Dermatitis, Int J Dermatol. 2018 Dec;57(12):1425-1432. doi: 10.1111/ijd.13972. Epub 2018 Apr 20.

H Borgeraas, Effects of Probiotics on Body Weight, Body Mass Index, Fat Mass and Fat Percentage in Subjects With Overweight or Obesity: A Systematic Review and Meta-Analysis of Randomized Controlled Trials, Obes Rev. 2018 Feb;19(2):219-232. doi: 10.1111/obr.12626. Epub 2017 Oct 18.

R Ferrarese, Probiotics, Prebiotics and Synbiotics for Weight Loss and Metabolic Syndrome in the Microbiome Era, Eur Rev Med Pharmacol Sci. 2018 Nov;22(21):7588-7605. doi: 10.26355/eurrev_201811_16301.

Fereshteh Ansari , The Effects of Probiotics and Prebiotics on Mental Disorders: A Review on Depression, Anxiety, Alzheimer, and Autism Spectrum Disorders, Curr Pharm Biotechnol. 2020 Jan 6. doi: 10.2174/1389201021666200107113812.

Amar Sarkar, Psychobiotics and the Manipulation of Bacteria–Gut–Brain Signals, Trends Neurosci. 2016 Nov; 39(11): 763–781. doi: 10.1016/j.tins.2016.09.002: 10.1016/j.tins.2016.09.002

 
Shopping cart0
There are no products in the cart!
Continue shopping
0